การเทรดระยะยาวและระยะสั้น: ควรเลือกอะไร?
ในการเทรดมีแนวทางหลักสองประการที่โดดเด่น: การเทรดระยะสั้นและการเทรดระยะยาว การเทรดระยะสั้นเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในทันที ในขณะที่การลงทุนระยะยาวมุ่งเน้นไปที่การแข็งค่าของสินทรัพย์อย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะเวลานาน เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทั้งสองวิธีในการทำกำไรจากตลาดในบทความวันนี้
การเทรดระยะสั้นคืออะไร?
การเทรดระยะสั้นเป็นกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดและปิดตำแหน่งภายในกรอบเวลาอันสั้น ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาไม่เกินวัน สัปดาห์ หรืออาจสั้นกว่านั้นก็ได้ การเทรดประเภทนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรดที่มุ่งหวังทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยและแนวโน้มระยะสั้น
โดยทั่วไปการเทรดระยะสั้นเป็นวิธีการเทรดที่มีการเก็งกำไรมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการลงทุนแบบดั้งเดิม โดยรวมถึงกลยุทธ์ต่าง ๆเช่น การ Scalping, การเทรดระหว่างวัน, และ การสวิงเทรด.
ข้อควรรู้! การขายชอร์ตไม่เหมือนกับการเทรดระยะสั้น การขายชอร์ตเป็นเทคนิคที่นักเทรดขายหลักทรัพย์ก่อนแล้วซื้อคืนในภายหลังในราคาที่ต่ำกว่า กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อนักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาหลักทรัพย์จะลดลงในระยะสั้น
การเทรดระยะยาวคืออะไร?
การเทรดระยะยาวเป็นกลยุทธ์ที่คุณซื้อและถือครองสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ เป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
กลยุทธ์นี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์มากกว่าความผันผวนของราคาในระยะสั้น กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงมักใช้ในการกระจายการเทรดไปยังประเภทสินทรัพย์ อุตสาหกรรม หรือภูมิภาคต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง
“ระยะยาว” หมายถึงระยะเวลานานในการถือครองสินทรัพย์ สินทรัพย์ระยะยาวสามารถถือครองได้เป็นเวลาหนึ่งปีหรือนานถึง 30 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของหลักทรัพย์ โดยทั่วไปแล้ว การลงทุนระยะยาวสำหรับบุคคลทั่วไปมักจะอยู่ในช่วงระยะเวลาถือครองอย่างน้อย 7 ถึง 10 ปี แม้ว่าจะไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวก็ตาม
อะไรดีกว่ากัน: การเทรดระยะสั้นหรือการเทรดระยะยาว?
การเลือกระหว่างการเทรดระยะสั้นและการเทรดระยะยาวขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนส่วนบุคคล การยอมรับความเสี่ยง และกลยุทธ์การลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีของการเทรดระยะสั้น | ข้อดีของการเทรดระยะยาว |
สภาพคล่องสูง การลงทุนระยะสั้นมีสภาพคล่องสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถซื้อและขายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่กระทบต่อราคามากนัก | ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำกว่า ในการถือครองเงินลงทุนเป็นระยะเวลานานกว่า นักลงทุนสามารถลดต้นทุนการทำธุรกรรมโดยรวม ซึ่งอาจนำไปสู่ผลตอบแทนที่สูงกว่า |
ความยืดหยุ่น นักเทรดระยะสั้นมีความยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง | ผลกระทบจากความผันผวนของตลาดที่ลดลง ผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้นลดลง ทำให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ง่ายขึ้น |
ทำกำไรได้เร็ว นักเทรดระยะสั้นสามารถทำกำไรได้เร็วหากพวกเขาคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างถูกต้อง | ประสิทธิภาพด้านภาษี โดยทั่วไปกำไรจากการขายหุ้นระยะยาวจะถูกหักภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า โดยให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม |
อย่างไรก็ตาม การเทรดระยะยาวและการเทรดระยะสั้นก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน
นักเทรดระยะสั้นมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดมากกว่าเนื่องจากพวกเขาติดตามตลาดอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ การซื้อและการขายบ่อยครั้งอาจทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น ซึ่งสามารถลดความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของการเทรดระยะสั้นได้
การลงทุนระยะยาวต้องใช้ความอดทนและมีวินัย เนื่องจากเป็นการรอให้ตลาดเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจพลาดผลกำไรอย่างรวดเร็วหากรอนานเกินไปในการขายสิ่งที่ลงทุนไป
โดยสรุปแล้ว การเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาวก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป การตัดสินใจระหว่างการเทรดทั้งสองแบบควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงิน การยอมรับความเสี่ยง ระยะเวลาการลงทุน และสไตล์การเทรดของแต่ละบุคคล
ติดตามเราได้ที่ เทเลแกรม, อินสตาแกรม และ เฟซบุ๊ก เพื่อรับการอัปเดตจาก Headway ทันที