กลยุทธ์รูปแบบ B2: ทำกำไรจากการพลิกกลับของเทรนด์

Adam Lienhard
Adam
Lienhard
กลยุทธ์รูปแบบ B2: ทำกำไรจากการพลิกกลับของเทรนด์

กลยุทธ์รูปแบบ B2 ได้รับความนิยมจาก Victor Sperandeo นักเทรดและนักเขียนชื่อดังที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเทรดและการวิเคราะห์ตลาด เป็นแนวทางการเทรดที่มุ่งเน้นการระบุการกลับตัวของแนวโน้ม โดยอ้างอิงจาก False Breakouts (การทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่ไม่สำเร็จ)

กลยุทธ์นี้อิงตามแนวคิดที่ว่า หากราคาทะลุระดับสูงสุดหรือต่ำสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแล้วกลับตัวอย่างรวดเร็ว นั่นบ่งชี้ว่าตลาดขาดแรงส่งในการเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางเดิม ส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการปรับฐานขนาดใหญ่สวนกับแนวโน้มเดิม ซึ่งเป็นโอกาสในการทำกำไร

กลยุทธ์รูปแบบ B2 นั้นค่อนข้างใช้งานง่าย เนื่องจากใช้เพียงการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาด้วยรูปแบบการเทรดเดียว (Double Top หรือ Double Bottom) และไม่ใช้ตัวบ่งชี้ใดๆในการพลอตบนกราฟ

คุณสามารถเทรดอะไรได้บ้างด้วยกลยุทธ์รูปแบบ B2?

กลยุทธ์รูปแบบ B2 มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์ทางการเงินหลากหลายประเภท ได้แก่ หุ้น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี โดยพื้นฐานแล้ว กลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้กับสินทรัพย์ใดๆ ที่แสดงแนวโน้มและการเคลื่อนไหวของราคาอย่างชัดเจน ทำให้เหมาะกับการเทรดในหลายตลาดและภาวะต่างๆ

ใช้กับกรอบเวลาใดได้บ้าง?

กลยุทธ์รูปแบบ B2 สามารถนำไปใช้ได้กับทุกกรอบเวลา ทำให้เหมาะกับหลากหลายสไตล์การเทรด ตั้งแต่การเดย์เทรดไปจนถึงการสวิงเทรด ไม่ว่าคุณจะวิเคราะห์กราฟ 5 นาที หรือ กราฟรายวัน หลักการของรูปแบบ B2 ยังคงมีความสม่ำเสมอ การเลือกกรอบเวลาขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเทรดของคุณ รวมถึงความถี่ที่คุณต้องการเข้าและออกจากการเทรด

วิธีใช้กลยุทธ์รูปแบบ B2

ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ กลยุทธ์รูปแบบ B2 อาศัยการเคลื่อนไหวของราคาและการระบุรูปแบบ Double Tops หรือ Double Bottoms เท่านั้น อัลกอริธึมการเทรดมีดังต่อไปนี้:

  1. ระบุช่วงการพักราคา เริ่มต้นด้วยการระบุพื้นที่บนกราฟที่ราคามีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ซึ่งเกิดจากการที่ระดับสูงสุดและต่ำสุดอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
  2. ระบุ Tactical High หรือ Tactical Low ราคาเมื่อทะลุกรอบการพักราคา จะสร้างระดับสูงสุดใหม่ หรือ ระดับต่ำสุดใหม่ ซึ่งใช้เป็นจุดอ้างอิงสำหรับขั้นตอนต่อไป
  3. สังเกตการเคลื่อนไหวของราคา หลังจากมีการสร้าง Tactical High หรือ Tactical Low แล้ว ให้สังเกตว่าราคามีการดึงกลับหรือไม่ การดึงกลับนี้เป็นการปรับฐานตามปกติของตลาด ซึ่งบ่งบอกว่าราคาอาจหยุดพักชั่วคราวเพื่อทดสอบแนวโน้มเดิม
  4. เฝ้าดูการทดสอบซ้ำ ต่อมา ให้สังเกตราคาว่ามีการพยายามทดสอบระดับสูงสุดหรือระดับต่ำสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นหรือไม่ หากราคาเคลื่อนเลยระดับนั้นเพียงเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทะลุได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นสัญญาณสำคัญ
  5. มองหาสัญญาณ False Breakout หากราคาขยับเพียงเล็กน้อยเกินระดับสูงสุดหรือต่ำสุด แล้วกลับตัวอย่างรวดเร็ว นั่นคือช่วงเวลาที่สำคัญ False Breakout แสดงให้เห็นว่าตลาดไม่มีแรงผลักดันเพียงพอที่จะดำเนินต่อในแนวโน้มเดิม และอาจเกิดการปรับฐานขนาดใหญ่
  6. ยืนยันการกลับตัวและเข้าเทรด เมื่อสัญญาณการกลับตัวได้รับการยืนยัน โดยการสังเกตแท่งสองสามแท่งที่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มที่เพิ่งค้นพบ (เช่น การเกิดรูปแบบ Double Top หรือ Double Bottom) คุณสามารถเปิดตำแหน่งเทรดได้ จุดมุ่งหมายคือการทำกำไรจากการปรับฐานของตลาดที่สวนกับแนวโน้มก่อนหน้า

ด้วยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้ กลยุทธ์รูปแบบ B2 จะช่วยให้นักเทรดคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มได้ล่วงหน้า และวางตำแหน่งตัวเองเพื่อทำกำไรจากการปรับฐานของตลาด

ตัวอย่างกลยุทธ์ B2: แนวโน้มขาลง

เมื่อเกิด รูปแบบ Double Top เราจะมองหาโอกาสในการขายช็อต ขั้นตอนการทำกำไรจากการเทรดแบบขายช็อต:

  1. ระบุช่วงการพักราคา
  2. มองหาการทะลุออกจากขอบช่วงอันใดอันหนึ่ง
  3. รอการปรับฐานและการทดสอบระดับสูงสุดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น
  4. สังเกตว่าหลังจากการทดสอบซ้ำ ราคาลดลงต่อหรือไม่
  5. หากราคาลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากการทดสอบซ้ำ จึงค่อยเปิดการขายช็อต
  6. Stop-Loss: ต้องวาง Stop-Loss ไว้เหนือระดับสูงสุดใหม่ทั้งสองจุด
  7. Take-Profit: ต้องวาง Take-Profit ที่ระดับต่ำสุดล่าสุด ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคา

สัญญาณขาย

บนกราฟ เราจะเห็น EURUSD แบบรายวัน ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2021 จนถึงมกราคม 2022 เราจะระบุการพักราคา หลังจากนั้นจะเกิดรูปแบบ Double Top ขึ้น แนวโน้มดังกล่าวยังคงเป็นภาวะขาลงจนถึงฤดูร้อนปี 2022 นั่นคือสัญญาณ ‘ขาย’ ของกลยุทธ์รูปแบบ B2

ตัวอย่างกลยุทธ์ B2: แนวโน้มขาขึ้น

เมื่อเกิด รูปแบบ Double Bottom เราจะมองหาโอกาสในการซื้อ ขั้นตอนการทำกำไรจากการเทรดแบบซื้อลอง:

  1. ระบุช่วงการพักราคา
  2. มองหาการทะลุออกจากขอบช่วงอันใดอันหนึ่ง
  3. รอการปรับฐานและการทดสอบระดับต่ำสุดใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น รูปแบบ Double Bottom จะก่อตัวขึ้น
  4. สังเกตว่าหลังจากการทดสอบซ้ำ ราคาเพิ่มขึ้นต่อหรือไม่
  5. หากราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการทดสอบซ้ำ จึงค่อยเปิดการซื้อ
  6. Stop-Loss: ต้องวาง Stop-Loss ไว้ใต้ระดับต่ำสุดใหม่ทั้งสองจุด
  7. Take-Profit: ต้องวาง Take-Profit ที่ระดับสูงสุดล่าสุด ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคา

สัญญาณซื้อ

บนกราฟ เราจะเห็น EURUSD แบบรายวัน เราระบุการพักราคาโดยเริ่มตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2022 ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2022 หลังจากนั้นจะเกิดรูปแบบ Double Bottom ขึ้น แนวโน้มเปลี่ยนสูงขึ้นทั้งปี ปรับตัวขึ้นถึงเดือนตุลาคม 2023 นั่นคือสัญญาณ ‘ซื้อ’ ของกลยุทธ์รูปแบบ B2

ติดตามเราได้ที่ เทเลแกรม, อินสตาแกรม และ เฟซบุ๊ก เพื่อรับการอัปเดตจาก Headway ทันที