กลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเทรดทองคำ

ทองคำถือเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการเทรดกันมากที่สุด ซึ่งเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ทองคำมีการเทรดในตลาดหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงตลาดฟิวเจอร์สและตลาดค้าหุ้น

นักลงทุนใช้ทองคำเป็นที่หลบภัยเพื่อลดความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในพอร์ตการลงทุนของตน นอกจากนี้ ทองคำยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการปกป้องทรัพย์สินจากอัตราเงินเฟ้อและความผันผวนของค่าเงินได้

ห้ากลยุทธ์ต่อไปนี้ คุณสามารถใช้ในการเทรดทองคำเพื่อสร้างกำไรได้:

กลยุทธ์จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ในการเทรดทองคำ การวิเคราะห์ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการติดตามเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เช่น วิกฤตการณ์ทางการเมือง สงคราม ภัยธรรมชาติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

ตัวอย่างเช่น เมื่อการระบาดใหญ่ของ COVID-19 แพร่กระจายในปี 2020 ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ในทำนองเดียวกัน เมื่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุขึ้น ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถช่วยระบุเทรนด์ระยะยาวของราคาทองคำและเทรนด์ในภาพรวมของทองคำจากเหตุการณ์ปัจจุบัน

กลยุทธ์จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีการวิเคราะห์ตลาดที่ใช้ในการกำหนดแนวโน้มราคาที่เป็นไปได้ของสินทรัพย์ รวมถึงทองคำ เมื่อใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรดทองคำ คุณจะศึกษารูปแบบกราฟและตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพื่อกำหนดแนวโน้มหลักและระดับในการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

แนวรับและแนวต้านถือเป็นระดับสำคัญที่ตลาดทองคำให้การยอมรับเป็นอย่างมาก ระดับแนวรับและแนวต้านถูกกำหนดโดยการลากเส้นบนกราฟราคาทองคำ ณ จุดที่นักเทรดคาดว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นหรือไปต่อในแนวโน้มปัจจุบัน

เมื่อราคาทองคำเข้าใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้าน การกลับตัวหรือการฝ่าระดับนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ นักเทรดสามารถใช้การวิเคราะห์ประเภทนี้เพื่อตัดสินใจซื้อหรือขายได้ ตัวอย่างเช่น หากราคาทองคำเข้าใกล้ระดับแนวรับ นักเทรดอาจคาดหวังว่าราคาจะดีดตัวขึ้น จึงตัดสินใจซื้อทองคำ

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ คุณสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อกำหนดแนวโน้มทั่วไปในการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะถูกคำนวณสำหรับช่วงเวลาต่างๆ และเปรียบเทียบกัน นักเทรดมักจะใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 100 วันเพื่อกำหนดแนวโน้มทั่วไปของราคาทองคำ หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน แสดงว่าแนวโน้มมีการเปลี่ยนแปลง

กลยุทธ์นี้สามารถใช้ในการตัดสินใจเมื่อราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไปด้านบนหรือด้านล่าง ตัวอย่างเช่น หากราคาทองคำทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 100 วันขึ้นไปด้านบน นี่อาจถือเป็นสัญญาณในการเปิดสถานะซื้อทองคำ

Bollinger Bands สามารถใช้กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ เช่น Stochastic หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการเทรดที่มีประสิทธิภาพสำหรับ ทองคำ

Bollinger Bands เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่ใช้ในการกำหนดขีดจำกัดสูงสุดและต่ำสุดในการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเส้นสามเส้น โดยที่เส้นตรงกลางแสดงถึงค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่ายในช่วงเวลาหนึ่ง เส้นด้านบนคือขีดจำกัดบนในการเคลื่อนไหวของราคา และเส้นด้านล่างหมายถึงขีดจำกัดล่างในการเคลื่อนไหวของราคา

Stochastic หรือ RSI สามารถใช้กำหนดว่าราคาอยู่ในพื้นที่ที่มีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีสำหรับการกำหนดสัญญาณการเทรด

ตัวอย่างเช่น ราคาทองคำเทรดใกล้ขีดจำกัดบนของ Bollinger Band ในขณะเดียวกัน Stochastic หรือ RSI บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในพื้นที่ที่มีการซื้อมากเกินไป นี่อาจถือเป็นสัญญาณในการเปิดตำแหน่งสั้นสำหรับทองคำ

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเครื่องมือทางเทคนิคสามารถช่วยคุณได้มากในการเทรดทองคำและทำการตัดสินใจเทรดอย่างชาญฉลาด เลือกเครื่องมือใดก็ได้ที่กล่าวมาในบทความและนำไปใช้ในการเทรดครั้งต่อไป!

ติดตามเราบนโซเชียลมีเดีย (เทเลแกรม, อินสตาแกรม, เฟสบุ๊ค) เพื่อรับการอัปเดตจาก Headway ทันที