วิธีการเลือกสไตล์การเทรด

Adam Lienhard
Adam
Lienhard
วิธีการเลือกสไตล์การเทรด

การเลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในตลาดการเงิน เนื่องจากจะเป็นตัวกำหนดแนวทางการเข้าและออกจากการเทรดของคุณ บทความนี้เจาะลึกถึงลักษณะเฉพาะ กรอบเวลา และความต้องการเงินทุนของสไตล์การเทรดรูปแบบต่างๆ ซึ่งช่วยให้คุณระบุรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความชอบและเป้าหมายส่วนตัวของคุณ

สไตล์การเทรดคืออะไร?

สไตล์การเทรดหมายถึงแนวทางหรือกลยุทธ์ต่างๆ ที่นักเทรดนำมาใช้เมื่อเข้าและออกจากการเทรดในตลาดการเงิน สไตล์การเทรดแต่ละรูปแบบมีลักษณะเฉพาะ กรอบเวลา และโปรไฟล์ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

มาสำรวจสไตล์การเทรดแบบทั่วไปกันเถอะ

  1. Scalping

การเทรดแบบ Scalping เป็นการเทรดที่รวดเร็วปานสายฟ้าเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย ในการเทรดแบบ Scalping ตำแหน่งจะคงอยู่ไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วิ ซึ่งต้องใช้สมาธิและความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก

นักเทรดแบบ Scalper ดำเนินการเทรดหลายครั้งในแต่ละวัน บางครั้งก็ถึงหลายร้อยครั้ง สำหรับเงินทุนเริ่มต้น การเทรดแบบ Scalping จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นนักเทรดควรปฏิบัติตามกฎ Pattern Day Trader (PDT) (เงินทุนมากกว่า $25,000) เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัด

  1. การเทรดแบบเดย์เทรด

นักเทรดแบบเดย์เทรดใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาระหว่างวัน ในการเทรดแบบเดย์เทรดจะมีการเปิดและปิดตำแหน่งหลายตำแหน่งภายในวันเดียวกันที่ทำการเทรด ด้วยเหตุนี้ สไตล์การเทรดรูปแบบนี้จึงต้องมีการติดตามสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง

การเทรดแบบเดย์เทรดจะได้รับผลประโยชน์จากเงินทุนเริ่มต้นที่เพียงพอ เช่นเดียวกับการเทรดแบบ Scalping

  1. การสวิงเทรด

นักเทรดแบบสวิงเทรดได้กำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาระยะกลาง โดยการเทรดจะมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์แนวโน้มและรูปแบบ นักเทรดแบบสวิงเทรดมีแนวโน้มที่จะเปิดการเทรดน้อยลงเมื่อเทียบกับการเทรดแบบ Scalping หรือการเทรดแบบเดย์เทรด และถือตำแหน่งเป็นเวลาหลายวันต่อสัปดาห์

การเทรดแบบสวิงเทรดจะใช้เงินทุนน้อยกว่าการเทรดแบบ Scalping หรือการเทรดแบบเดย์เทรด

  1. การเทรดแบบโพสิชั่นเทรด

นักเทรดแบบโพสิชั่นเทรดจะมองในระยะยาว โดยการถือตำแหน่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ซึ่งนักเทรดจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค

นักเทรดเหล่านี้ทำการเทรดไม่บ่อยนัก ดังนั้นสไตล์การเทรดรูปแบบนี้จึงเหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า

จะเลือกสไตล์การเทรดได้อย่างไร?

การเลือกสไตล์การเทรดเป็นการตัดสินใจที่สำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบเฉพาะตัว การยอมรับความเสี่ยง และเป้าหมายของคุณ นี่คือสิ่งที่คุณต้องพิจารณาเพื่อหาสไตล์การเทรดที่ใช่

  1. การประเมินตนเอง สะท้อนถึงความเป็นตัวเอง ไลฟ์สไตล์ และเวลาที่มีอยู่ของคุณ คุณเป็นคนที่อดทนรอได้หรือเป็นคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว? คุณสามารถใช้เวลาหลายๆชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อทำการเทรดได้หรือไม่ หรือว่าคุณมีเวลาว่างที่จำกัด?
  2. การยอมรับความเสี่ยง ประเมินระดับที่คุณพอใจที่จะเสี่ยง สไตล์การเทรดบางรูปแบบ เช่น การเทรดแบบ Scalping มีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากการเทรดบ่อยครั้งและการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว สไตล์การเทรดอื่นๆ เช่น การเทรดแบบโพสิชั่นเทรดจะมีความช้ากว่า
  3. ระยะเวลาในการลงทุน พิจารณาระยะเวลาในการลงทุนของคุณ คุณกำลังมองหาผลกำไรระยะสั้น (การเทรดแบบเดย์เทรด, การเทรดแบบ Scalping) หรือการเติบโตระยะยาว (การเทรดแบบสวิงเทรด, การเทรดแบบโพสิชั่นเทรด)?
  4. เงินทุนเริ่มต้น ประเมินเงินทุนเริ่มต้นของคุณ การเทรดแบบ Scalping และการเทรดแบบเดย์เทรดต้องใช้เงินทุนมากขึ้นเนื่องจากมีการเทรดบ่อยครั้ง การเทรดแบบสวิงเทรดและการเทรดแบบโพสิชั่นเทรดสามารถทำได้โดยการใช้เงินทุนที่น้อยกว่า
  5. ความรู้เกี่ยวกับตลาด ทำความเข้าใจตลาด สไตล์การเทรดที่แตกต่างกันต้องการการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในระดับที่แตกต่างกัน
  6. การลองผิดลองถูก ทดลองสไตล์การเทรดที่แตกต่างโดยใช้บัญชีทดลอง สังเกตว่าอันไหนที่รู้สึกสบายใจและสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ
  7. เรียนรู้และเชื่อมต่อ แสวงหาการเรียนรู้จากนักเทรดที่มีประสบการณ์ หรือเรียนหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะของคุณ.

ด้วยคำแนะนำนี้ คุณจะสามารถเลือกสไตล์การเทรดได้ทันที!

สรุป: วิธีการเลือกสไตล์การเทรด

สไตล์การเทรดแต่ละรูปแบบนั้นมีความแตกต่างกัน การเลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะสมต้องใช้ความเข้าใจในระดับสูง โดยการพิจารณาเวลา เงินทุน และทักษะที่มีอยู่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจเลือก อย่าเลือกสไตล์การเทรดที่คุณรู้สึกไม่สบายใจ จงจำไว้ว่าทุกอย่างจะมาในเวลาที่เหมาะสม

ติดตามเราได้ที่ เทเลแกรม, อินสตาแกรม และ เฟซบุ๊ก เพื่อรับการอัปเดตจาก Headway ทันที