กลยุทธ์ Triple Screen: 3 ขั้นตอนในการสร้างผลกำไร

Adam Lienhard
Adam
Lienhard
กลยุทธ์ Triple Screen: 3 ขั้นตอนในการสร้างผลกำไร

กลยุทธ์การเทรด Triple Screen เป็นวิธีการที่ใช้หลายกรอบเวลา ซึ่งออกแบบมาเพื่อกรองสัญญาณรบกวนและยืนยันแนวโน้มในกรอบเวลาต่างๆ กลยุทธ์นี้พัฒนาโดย Alexander Elder โดยอาศัยแนวคิดที่ว่าตลาดเคลื่อนไหวในสามแนวโน้ม ได้แก่ ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น ซึ่งมักเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์กระแสน้ำ คลื่น และระลอกคลื่น

กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายเพื่อเทรดไปตามกระแสน้ำ (แนวโน้มระยะยาว) โดยใช้คลื่น (แนวโน้มระยะกลาง) เป็นจุดเข้าเทรดและไม่สนใจระลอกน้ำ (สัญญาณรบกวนระยะสั้น) ด้วยการใช้ “หน้าจอ (Screen)” สามจอ (หรือชั้นของการวิเคราะห์) รวมกัน โดยแต่ละจอมีอินดิเคเตอร์ที่แตกต่างกัน จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดสัญญาณหลอกได้

คุณสามารถเทรดอะไรได้บ้างด้วยกลยุทธ์ Turtle Soup?

กลยุทธ์นี้มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถนำไปใช้กับตลาดต่างๆ ได้ เช่น ฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี

หัวใจของความสำเร็จคือการระบุแนวโน้มระยะยาวที่ชัดเจน และปรับการเคลื่อนไหวของราคาระยะกลางและระยะสั้นให้สอดคล้องกันเพื่อการเข้าเทรดและการออกที่แม่นยำ กลยุทธ์ Triple Screen สามารถใช้ได้ทั้งในช่วงที่ตลาดเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง และเหมาะสำหรับทั้งนักเทรดแบบ Swing Trading และ Intraday Trading

ใช้กับกรอบเวลาใดได้บ้าง?

กรอบเวลาที่ใช้ในกลยุทธ์ Triple Screen ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของนักเทรด สำหรับนักเทรดระยะยาว – ใช้กราฟ รายสัปดาห์ (W1), รายวัน (D1) และ 4 ชั่วโมง (H4) สำหรับนักเทรดรายวัน – ใช้กราฟ รายวัน, รายชั่วโมง (H1) และ 5 นาที (M5)

วิธีการนี้มีความยืดหยุ่น นักเทรดสามารถเลือกกรอบเวลาตามสไตล์การเทรดของตน ไม่ว่าจะเป็นระยะยาวหรือรายวัน กรอบเวลาที่ใหญ่ที่สุด (หน้าจอแรก) ใช้ในการระบุแนวโน้มโดยรวม กรอบเวลาระดับกลาง (หน้าจอที่สอง) ใช้ค้นหาการดึงกลับของราคาเพื่อหาจุดเข้าเทรด และกรอบเวลาที่เล็กที่สุด (หน้าจอที่สาม) ใช้ปรับจังหวะในการเข้าเทรดให้แม่นยำยิ่งขึ้น

นี่คือคำแนะนำสั้นๆ เกี่ยวกับการจับคู่กรอบเวลาที่ทำงานร่วมกันได้ดีที่สุด:

หน้าจอแรกหน้าจอที่สองหน้าจอที่สาม
W1D1H4
D1H1/H4M15
H1M15M5

วิธีการใช้งาน?

หน้าจอแรก (การระบุแนวโน้ม)

หน้าจอแรกเน้นการระบุแนวโน้มระยะยาวโดยใช้อินดิเคเตอร์ตามแนวโน้ม เช่น MACD (Moving Average Convergence Divergence) ซึ่งควรตั้งค่า MACD ที่พารามิเตอร์ 3, 15, 1

สำหรับหน้าจอนี้ ให้วิเคราะห์ความลาดเอียงของแท่ง MACD สองแท่งล่าสุด:

  • หากความลาดเอียงเพิ่มขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น
  • หากความลาดเอียงลดลง แสดงถึงแนวโน้มขาลง

เป้าหมายของหน้าจอนี้คือการทำให้แน่ใจว่าคุณเทรดไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลักของตลาด เปรียบเสมือนการว่ายน้ำตามกระแสน้ำ

หน้าจอที่สอง (สัญญาณเข้าเทรด)

หน้าจอที่สองจะเปลี่ยนไปใช้กรอบเวลาระดับกลาง (เช่น ใช้กราฟ 1 ชั่วโมงสำหรับนักเทรดรายวัน) โดยใช้อินดิเคเตอร์แบบออสซิลเลเตอร์ เช่น Elder’s Force Index (FI ซึ่งบน MetaTrader จะเรียกว่า Force Index) เพื่อตรวจวัดความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของราคาโดยอิงจากราคาและปริมาณการเทรด โดย FI จะถูกตั้งค่าด้วยพารามิเตอร์ที่ 2:

  • ในแนวโน้มขาขึ้นรายวัน รอให้ EFI เข้าสู่ระดับ Oversold บนกราฟ 1 ชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้น
  • ในแนวโน้มขาลงรายวัน รอให้ EFI เข้าสู่ระดับ Overbought บนกราฟ 1 ชั่วโมง ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการขายที่อาจเกิดขึ้น

หน้าจอนี้ใช้ในการระบุการกลับตัวและการปรับฐานของราคาเพื่อหาจุดเข้าเทรด

หน้าจอที่สาม (การดำเนินการเทรด)

หน้าจอที่สามจะใช้กรอบเวลาที่สั้นที่สุด (เช่น ใช้กราฟ 15 นาทีสำหรับนักเทรดรายวัน) หน้าจอนี้ไม่ใช้อินดิเคเตอร์ แต่ใช้เทคนิคการเลื่อนคำสั่งหยุดการขาดทุน (Moving Stop):

  • การตั้งค่า ‘ซื้อ’ (ขาขึ้น) หาก MACD บนกราฟรายวันแสดงแนวโน้มขาขึ้น และ EFI บนกราฟรายชั่วโมงอยู่ในระดับ Oversold ให้ใช้คำสั่ง ‘Moving Buy Stop’ วางคำสั่ง ‘Buy Stop’ ไว้เหนือระดับสูงสุดก่อนหน้า หากราคายังคงเพิ่มขึ้น คำสั่งซื้อจะถูกดำเนินการ
  • การตั้งค่า ‘ขาย’ (ขาลง) หาก MACD บนกราฟรายวันแสดงแนวโน้มขาลง และ EFI บนกราฟรายชั่วโมงอยู่ในระดับ Overbought ให้ใช้คำสั่ง ‘Moving Sell Stop’ วางคำสั่ง ‘Sell Stop’ ไว้ต่ำกว่าระดับต่ำสุดก่อนหน้า หากราคายังคงลดลง คำสั่งขายจะถูกดำเนินการ

ตั้ง Stop-Loss ไว้ที่ระดับสูงสุดล่าสุด (สำหรับการขาย) หรือระดับต่ำสุดล่าสุด (สำหรับการซื้อ) และใช้แนวรับ/แนวต้านเป็นจุด Take-Profit

วิธีการแบบชั้นนี้ช่วยให้นักเทรดสามารถเทรดไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มหลัก โดยใช้ออสซิลเลเตอร์เพื่อจับจังหวะเข้า และใช้การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นเพื่อปรับจุดดำเนินการเทรด ซึ่งช่วยกรองสัญญาณรบกวนและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างจริง

มาดูตัวอย่างจริงของกลยุทธ์นี้ในคู่ GBPUSD โดยใช้กราฟ D1, H1, M15

หน้าจอแรก (การระบุแนวโน้ม)

บนกราฟรายวัน เราจะดูแท่งเทียนสีเขียวสามแท่งที่กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ในกรอบสีเขียว กรอบสีเขียวนี้จะปรากฏบนกราฟ H1 และ M15 ด้วย เพื่อให้เราเข้าใจจุดที่เรากำลังดูการเคลื่อนไหวของราคาได้ชัดเจนขึ้น

จากนั้นดูที่ MACD อย่างรวดเร็ว ความลาดเอียงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และฮิสโตแกรมกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าเรายืนยันแนวโน้มขาขึ้นและสามารถย้ายไปยังกรอบเวลาที่ต่ำลงได้

หน้าจอที่สอง (สัญญาณเข้าเทรด)

บนกราฟรายชั่วโมง เรามองที่จุดเริ่มต้นของพื้นที่ในกรอบสีเขียวรายวัน และสังเกต Force Index ในช่วงกรอบสีเขียวทั้งหมด FI ลดลงต่ำกว่าระดับ 50 เพียงสามครั้ง ซึ่งแสดงว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold ณ จุดนั้น

เมื่อเรายืนยันสัญญาณ Oversold ได้แล้ว เราสามารถย้ายไปยังกรอบเวลาที่ต่ำที่สุดได้

หน้าจอที่สาม (การดำเนินการเทรด)

พื้นที่ที่เราเห็นสัญญาณ Oversold ถูกทำเครื่องหมายด้วยวงกลมสีเขียว ที่นี่คือจุดที่เราวางคำสั่ง ‘Buy Stop’ และรอให้ตลาดกลับเข้าสู่แนวโน้มหลักที่ใหญ่กว่าและดำเนินการคำสั่งซื้อของเรา SL ถูกวางไว้ที่จุดต่ำสุดล่าสุด ในขณะที่ TP ตั้งไว้เพื่อครอบคลุมระดับแนวต้านสำคัญของราคา

ดังที่เห็น ทุกครั้งที่เราปิดตำแหน่ง เราจะได้กำไร ลองใช้กลยุทธ์ Triple Screen ที่ Headway ตอนนี้ พร้อมรับสิทธิ์ค่าคอมมิชชั่น 0% สำหรับการฝากและถอนเงิน

ติดตามเราได้ที่ เทเลแกรม, อินสตาแกรม และ เฟซบุ๊ก เพื่อรับการอัปเดตจาก Headway ทันที